เรื่องความยั่งยืนเป็นเรื่องที่มาแรงมากในทศวรรษที่ผ่านมา ในสายงานซัพพลายเชนเราก็มีการจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาการจัดการซัพพลายเชนมีลักษณะไม่ซับซ้อน ประกอบไปด้วยผู้เกี่ยวข้องไม่กี่ฝ่าย การขับเคลื่อนส่วนใหญ่จึงเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพด้านเศรษฐกิจ เช่น การลดต้นทุน ด้านความรวดเร็วในการจัดส่ง เป็นต้น หากแต่สมัยนี้เรื่องความยั่งยืนได้เข้ามามีบทบาทในซัพพลายเชนมากขึ้นโดยต่างฝ่ายต่างนำประเด็นด้านทางสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจ หรือที่เรียกว่า “การจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืน” หรือ “Sustainable Supply Chain” วันนี้ทางอาจารย์หนุ่มซัพพลายเชนกูรู ได้มี 5 เคล็ดลับที่ทำให้การจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืนประสบความสำเร็จ มาฝากกัน
การจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) คืออะไร?
การจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) คือการนำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านเศรษฐกิจ (Economics) และด้านสังคม (Social) เข้ามาบูรณาการเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจตลอดซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสลดความเสี่ยงและเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ
5 เคล็ดลับที่จะทำให้การจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืน (Sustainable Supply Chain) ประสบความสำเร็จได้แก่
-
มีแผนงานการจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืน:
อันดับแรกเลยคุณจะต้องมีความเข้าใจซัพพลายเชนของคุณทั้งหมดก่อนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำว่ามีขั้นตอน กระบวนการ การส่งไม้ต่ออย่างไรบ้าง หากคุณไม่เข้าใจในซัพพลายเชนในธุรกิจ มันก็จะยากในการที่คุณจะพัฒนาแผนงาน supply chain sustainability แผนงานที่มีคุณภาพควรจะประกอบไปด้วยขั้นตอนต่างๆในซัพพลายเชน การวิเคราะห์ผลกระทบ และการวิเคราะห์ความเสี่ยง ซึ่งจะทำให้คุณมีความเข้าใจความท้าทายที่คุณและซัพพลายเออร์ของคุณจะต้องเจอในด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านเศรษฐกิจ (Economics) และด้านสังคม (Social)
-
ให้ความรู้และเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม:
หนึ่งในตัววัดด้านความยั่งยืนไม่ได้วัดแค่กระบวนการที่เปลี่ยนไปเท่านั้น หากรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมและวัฒนธรรมอีกด้วย เพราะฉะนั้นก้าวสำคัญของบริษัทที่จะต้องเจอนั้นคือการให้ความรู้กับคนในบริษัทและซัพพลายเออร์ให้มีความเข้าใจและตระหนักถึงความยั่งยืน การให้ความรู้นี้อาจมาในรูปแบบของการอบรม การแสดงกรณีศึกษาที่ทำแล้วประสบความสำเร็จเพื่อที่จะสร้างความตระหนักถึงให้ทุกคนว่า ไม่ว่าใครก็สามารถประสบความสำเร็จด้านความยั่งยืนในซัพพลายเชนได้
-
ให้ความสำคัญกับการจัดการ upstream:
บริษัทจะสามารถประสบความสำเร็จด้านความยั่งยืนในซัพพลายเชนแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้เพราะคุณจะต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งซัพพลายเชนให้บรรลุเป้าหมายเดียวกันด้วยโดยเฉพาะการจัดการ upstream ซึ่งส่วนนี้จะเป็นการจัดการต้นน้ำตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ การจัดซื้อจัดจ้าง การจัดหา กระบวนการทุกอย่างเหล่านี้จะต้องเป็นไปตามกฏเกณฑ์ของความยั่งยืน
-
ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี:
ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในงานของซัพพลายเชนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูลทำให้งานซัพพลายเชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การจัดการสินค้าคงคลัง (สต๊อก) การกระจายสินค้า และการจัดการขนส่ง การได้ข้อมูลพวกนี้มาจะทำให้สามารถช่วยสนุบสนุนกระบวนการทำงานของความยั่งยืนในซัพพลายเชนได้ เช่น การตรวจสอบความโปร่งใสของกระบวนการทำงานของซัพพลายเออร์ว่าได้ทำตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่
-
ความร่วมมือกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในซัพพลายเชน:
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้อ 3 ว่าความยั่งยืนในซัพพลายเชนจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลยหากหน่วยงานในซัพพลายเชนไม่ร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว การร่วมมือกันจะทำให้ทั้งซัพพลายเชนนอกจากจะทำให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนไปพร้อมกันแล้ว ยังจะทำให้ธุรกิจมีชื่อเสียงที่ดี มีความน่าเชื่อถือ ช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมและเพื่อนมนุษย์
หนทางสู่การจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืนนั้นไม่ได้สำเร็จภายในแค่คืนเดียว หากแต่ใช้ความพยายามในการทำอย่างต่อเนื่อง ใช้ทั้งแรงกายแรงใจในการเปลี่ยนแปลงการทำงานไปจนถึงวัฒนธรรมองค์กรเลยทีเดียว การมีแผนงานการจัดการซัพพลายเชนอย่างยั่งยืนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะสามารถช่วยให้องค์กรรู้ถึงทิศทางในการดำเนินงาน ในขณะเดียวกันก็สามารถวิเคราะห์ผลกระทบ ความเสี่ยง และความท้าทายต่างๆที่องค์กรและหน่วยงานในซัพพลายเชนต้องเจอ เราเชื่อมั่นในก้าวเล็กๆที่ส่งผลกระทบอันยิ่งใหญ่เสมอ ซัพพลายเชน กูรู ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสามารถขับเคลื่อนซัพพลายเชนอย่างยั่งยืนให้สำเร็จ
“ซัพพลายเชน กูรู..รอบรู้เรื่องการบริหารจัดซื้อและซัพพลายเชน”