บล็อกเชน เทคโนโลยีในโลกอนาคตที่ปัจจุบันได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในอุตสาหกรรมการเงิน เช่น ในการซื้อขายการคริปโตเคอร์เรนซี เป็นต้น คุณทราบหรือไม่ว่า จริงๆแล้วบล็อกเชนได้เข้ามามีบทบาทในการจัดการซัพพลายเชนเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำธุรกรรม ความยั่งยืนในการจัดหา หรือในการปรับปรุงประสิทธิภาพในซัพพลายเชนเอง
ในบทความนี้จะพูดถึงบล็อกเชนคืออะไร การนำบล็อกเชนเข้ามาใช้ในการจัดการซัพพลายเชน ประโยชน์ที่ได้รับ และตัวอย่างธุรกิจที่ใช้บล็อกเชนในการจัดการซัพพลายเชนแล้วจริง
บล็อกเชนคืออะไร
บล็อกเชน (Blockchain) แปลแบบตรงตัวคือ บล็อก (Block) คือการเก็บข้อมูลเป็นส่วนๆและนำมาเชื่อมต่อกันเหมือนโซ่ที่คล้องกันไว้ (Chain) บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูงเพราะจะมีรหัสผ่านทางคอมพิวเตอร์เพื่อทำให้ทราบว่าข้อมูลถูกสร้างและเก็บเมื่อไหร่ มีการแก้ไขหรือไม่ หากมีการแก้ไข ในบล็อกเชนจะทราบว่าใครเปลี่ยนและเปลี่ยนเมื่อไหร่ ข้อมูลทั้งหมดจะส่งและเก็บในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายบล็อกเชน ดังนั้น ทุกคนในเครือข่ายบล็อกเชนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงพร้อมๆกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีความน่าเชื่อถือสูง
การนำบล็อกเชนมาใช้ในการจัดการซัพพลายเชน
ในเครือข่ายของซัพพลายเชนจะประกอบไปด้วยกิจกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ คือ ซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต ไล่ต่อมาที่ ผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้าปลีก และสินค้าสุดท้ายจะสิ้นสุดลงที่ผู้บริโภค เพราะฉะนั้นกิจกรรมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำจะต้องอาศัยเวลา มากน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆในซัพพลายเชน บางทีอาจจะใช้เวลาเป็นหลักเดือน
การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการจัดการซัพพลายเชนจะช่วยให้การทำกิจกรรมในซัพพลายเชนซับซ้อนน้อยลง ง่ายมากขึ้นโดยการทำให้เกิดความโปร่งใส (Transparency) และความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ได้ ทำให้ทุกฝ่ายสามารถติดตามสถานะของสินค้าได้ว่าอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว หากมีสินค้ามีปัญหา ผู้ผลิตสามารถค้าหาสินค้าที่ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว การใช้บล็อกเชนยังส่งเสริมให้องค์กรมีการจัดหาอย่างยั่งยืน (Sustainable sourcing) ทุกฝ่ายสามารถรับรู้ถึงขั้นตอนการจัดหาได้ว่าสินค้านั้นมีการใช้วัตถุดิบที่จัดหามาอย่างยั่งยืนและมีจริยธรรม
นอกจากนี้ บล็อกเชนยังทำให้การทำธุรกรรมมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ในแต่ละบล็อกจะมีรหัสผ่าน จึงทำให้ปลอดภัย ยากต่องานแฮ็ค ทุกฝ่ายทราบถึงการสร้างธุรกรรมใหม่ หากมีการแก้ไข จะทราบว่าใครเป็นคนทำและแก้ไขอะไร ซึ่งจะช่วยให้ช่วยลดปัญหาในเรื่องของการปลอมแปลง ลดต้นทุนการทำธุรกรรมและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ทุกฝ่าย
ประโยชน์ที่ได้จากการใช้บล็อกเชนในซัพพลายเชน
-
ปรับปรุงประสิทธิภาพในซัพพลายเชน:
การใช้บล็อกเชนคือการทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายร่วมกัน เพราะฉะนั้นงานซัพพลายเชนใช้บล็อกเชนในการสื่อสารและร่วมมือกับผู้ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ทุกกิจกรรมมีความโปร่งใส เช่น การติดตามใบแจ้งหนี้ การป้องกันการทุจริตในการชำระหนี้ การบริหารสัญญาให้ทุกฝ่ายทำตามภาระผูกพัน (Obligation) ตามเวลา
-
เพิ่มความโปร่งใสในซัพพลายเชน ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน:
เพราะบล็อกเชนทำให้ทุกฝ่ายในเครือข่ายมี Visibility ในการตรวจสอบวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต รู้ถึงแหล่งที่มาว่าทำตามเงื่อนไขความยั่งยืนหรือไม่
-
ลดต้นทุน:
แน่นอนว่าการทำธุรกรรมและกิจกรรมผ่านบล็อกเชนจะทำให้ช่วยลดการใช้กระดาษไปได้เป็นอย่างมาก เพราะว่าทุกธุรกรรมจะทำผ่านเครือข่ายของตนเอง ไม่ใช่แค่ค่ากระดาษที่จะลดลงเท่านั้น แต่รวมไปถึงค่าใช้จ่ายเสริมในการทำธุรกรรมอีกด้วย เช่น ค่าพนักงาน ค่าจัดเก็บเอกสาร เป็นต้น
-
สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอื่น:
เทคโนโลยีบล็อกเชนถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอื่นๆได้ เช่น Internet of Things (IoT) ในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น RFID tags (Radio Frequency Identification) ที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความโปร่งใสและความแม่นยำให้กับคนหน้างานและลูกค้า
บริษัทที่เริ่มใช้บล็อกเชน
Walmart: ร้านค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้ใช้บล็อกเชนในการเพิ่มความโปร่งใส (Visibility) และความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อดูที่มาของการจัดหาเนื้อหมูที่ขาย และมีโครงการนำข้อมูลอาหารที่ขายมาเพื่อวิเคราะห์ดูสายการผลิตจากโรงงานมาถึงชั้นวางของ
DeBeers: บริษัทที่ดำเนินธุรกิจการสำรวจหาเพชร การทำเหมืองเพชร การค้าเพชร และการผลิตเพชรสำหรับการอุตสาหกรรมใช้บล็อกเชนในการติดตามและตรวจสอบการจัดหา (Sourcing) ของเพชรในทุกๆขั้นตอนเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการจัดหาและจัดการสต๊อกเพชร รวมไปถึงการส่งเสริมการจัดหาอย่างเป็นธรรม (Ethical sourcing) อีกด้วย